หนูกัดเท้าต้องถูกฉีดยาทั้งบาดทะยักและป้องกันพิษสุนัขบ้า

เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2558 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยหญิงสูงวัยรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอัมพาตครึ่งซีก มีประวัติเป็นทั้งเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ถูกหนูกัดนิ้วเท้าขณะนอนหลับ เป็นที่น่าสังเกตในหลายๆกรณีตัวอย่าง พบว่าหนูมักชอบกัดที่เท้าของคนเรา อาจเพราะเท้าสกปรกมีกลิ่นที่หนูชอบกัดหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบแน่ได้ แต่ถ้าหนูกัดเท้าคนเพราะเหตุมีกลิ่นเศษอาหารติดที่เท้า มันก็น่าก็น่าจะกัดปากคนเรามากกว่า ปากย่อมมีกลิ่นอาหารแรงกว่าที่เท้า

กลับเข้ามาที่เรื่องหนูกัดเท้าหญิงป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกกันต่อ ผู้ป่วยรายนี้แพทย์ให้ยาละลายลิ่มเลือดมากินทุกๆวัน เพื่อไม่ให้เลือดจับตัวกัน จะได้ไม่อุดตันในสมองได้อีก ดังนั้นเมื่อหญิงผู้นี้โดนหนูกัดที่นิ้วเท้า เลือดจึงไหลง่ายกว่าคนทั่วๆไป กว่าจะห้ามเลือดกันได้ ก็สร้างความตกใจให้กับคนรอบข้าง เพราะเลือดไหลจนนองชุ่มโชกไปทั่ว

เมื่อพาไปพบแพทย์ๆ ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้เพราะหนูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า และยังฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ถูกหนูกัดราวๆเดือนพฤศจิกายน วัคซีนเข็มสุดท้ายก็ราวๆเดือนพฤษภาคมปีถัดไป

หนูอาศัยอยู่ร่วมห้องกับมนุษย์อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

หนูจึงเป็นภัยใกล้ตัว อย่างหนึ่ง เราเห็นหนูแอบหลบๆซ่อนมาหาอาหารกินภายในห้อง เราอาจทำเป็นมองไม่เห็นไม่สนใจพวกมัน เพราะคิดว่าเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่ไม่แน่ว่าสักวันหนูอาจทำอะไรแผลงๆเช่นมากัดมือกัดเท้าเราได้ เมื่อก่อนนี้เคยได้ข่าวว่าหนูมุดเข้าไปในปากลงไปในคอหอยคนจนขาดใจตายเพราะนอนหลับอ้าปาก ไม่ยืนยันว่าข่าวนั้นน่าเชื่อถือได้แค่ไหน แต่ก็มีความเป็นไปได้

ปกติหนูเมื่อเข้ามาอยู่ในห้อง มันเฉลียวฉลาดมากพอจะจำช่องทางเข้าออก ที่เข้ามาบ่อยๆได้ แต่ปัญหาก็คือหนูมันคิดจะหลบอาศัยอยู่ภายในห้องเลยหรือไม่เท่านั้น คืออยู่อย่างถาวรไม่กลับออกไปอีก ซึ่งมักพบว่าเป็นหนูขนาดเล็กๆพวกหนูจิ๊ด หนูหริ่ง เช่นนี้ต้องหาทางไล่หนูขนาดเล็กนี้ออกไปให้ได้ อย่าให้พวกมันแพร่ลูกแพร่หลานภายในห้อง จะด้วยการนำแมวมาเลี้ยง วางถาดกาว หรือฉีดพ่นน้ำยาไล่หนู ก็แล้วแต่สะดวก